สันนิษฐานว่า ในสมัยสุโขทัยมีแนวคิดว่า พ่อขุนเป็นเจ้าของและผู้ดูแลที่ดินในอาณาจักร และสนับสนุนให้ประชาชนหักร้างถางพงที่ดินเพื่อเพาะปลูก รวมทั้งให้ประชาชนมีสิทธิในการถือครองที่ดินทำกิน และเป็นมรดกสืบทอดถึงลูกหลานได้
ส่วนในสมัยอยุธยานั้น มีการจัดการด้านที่ดินที่เป็นระบบมากกว่าสมัยสุโขทัย ในทางพฤษฎี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของที่ดินทั่วทั้งอาณาจักร แต่ในทางปฏิบัติพระองค์ได้พระราชทานสิทธิในการถือครองที่ดินเพื่อสร้างผลประโยชน์แก่เจ้านาย ขุนนาง ไพร่ และทาส ลดหลั่นกันไปตามศักดินาที่แต่ละคนมีอยู่ รวมทั้งได้ทรงกัลปนาที่ดินแก่วัดด้วย ในสังคมศักดินาสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ มูลนาย และวัดจึงเป็นผู้ควบคุมปัจจัยการผลิตด้านที่ดิน ส่วนประชาชนนั้นมีสิทธิในที่ดินที่ตนทำกิน ไม่มีปัญหาในเรื่องที่ดิน และรัฐได้สนับสนุนให้ประชาชนหักร้างถางพงบุกเบิกที่ดินเพาะปลูกด้วยมาตรการต่าง ๆ เพื่อจะได้ประโยชน์จากการเก็บส่วยสาอากรจากประชาชนในผลผลิตต่าง ๆ ที่ได้จากผืนดิน อนึ่ง สิทธิ์ในการถือครองที่ดินที่ครอบครองนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานและซื้อขายกันได้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น